วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เสด็จฯ นิวัตกลับประเทศไทยอีกครั้ง



หลังจากทรงหมั้นผ่านไปประมาณ 7 เดือน ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยสมเด็จพระเชษฐภคินี และหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ เสด็จนิวัติประเทศไทยทางชลมารค เริ่มจากการเสด็จออกจากพระตำหนักวิลล่าวัฒนา ในนครโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์โดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปยังท่าเรือวิลล์ฟรังซ์ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส แล้วเสด็จฯไปประทับบนเรือเดินสมุทรซีแลนเดีย ซึ่งเป็นเรือเดินสมุทรของบริษัทอีสท์เอเชียติก ออกจากฝรั่งเศสผ่านเมืองท่าต่าง ๆ เข้าสู่มหาสมุทรอินเดียทางคลองสุเอช ผ่านประเทศศรีลังกาและสิงคโปร์ เข้าสู่อ่าวไทย จอดเทียบท่าที่เกาะสีชัง จังหวัดตราด เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2493


ต่อจากนั้นทรงเปลี่ยนเรือพระที่นั่งมาประทับบนเรือรบหลวงรัตนโกสินทร์ มุ่งสู่ป้อมพระจุลจอมเกล้า ฯ แล้วเสด็จเพื่อขึ้นประทับบนเรือรบหลวงศรีอยุธยา ณ บนเรือที่ประทับนี้ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี รอเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องยศ “จอมพลเรือ” แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากนั้นจึงเสด็จไปประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดาโหฐาน พระราชวังดุสิต
วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2493 ทางรัฐบาลจัดให้มีพิธีสมโภชขึ้น เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จนิวัติกลับสู่ประเทศไทย ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในวโรกาสนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สถาปนาพระพี่นางเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ขึ้นเป็น “สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา”
ในปีนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้กำหนดการพระราชพิธีสำคัญ 3 พิธี คือ
พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบรมเชษฐาธิราช พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส และพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอีกด้วย



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น